10 พฤศจิกายน 2554

ในวันที่ หมาหยอง จากไป


       หมาหยอง เป็นหมาพันธ์ผสมที่ประหลาดเอาการ เพราะเป็นส่วนผสมของ อัลเซเชี่ยน และ ดัชชุน เลยรูปร่างหน้าตาเป็นอัลเซเชี่ยน แต่เตี้ยแบบดัชชุนและนิสัยเหมือนดัชชุนไปด้วย แต่ร้อยทั้งร้อย ไม่เคยมีใครเดาถูกว่า พันธ์ไหนเป็น พ่อ พันธ์ไหนเป็นแม่ เพราะ พ่อหมาหยอง(โอเล่)เป็นดัชชุนคาสโนว่า สามารถ เผด็จศึกแม่หมาหยอง(หมูหวาน) ที่เป็นอัลเซเชี่ยนได้สำเร็จ พี่น้องท้องเดียวกันของหมาหยอง ได้ลาโลกใบนี้ไปหมดแล้ว เหลือตัวสุดท้ายของรุ่น ซึ่งเราก็ได้แต่นึกกันว่ามันจะ ตามพี่น้องมันไปเมื่อไหร่ และแล้ววันนั้นก็มาถึงจนได้
       หมาหยอง มาอยู่ กะเราตั้งแต่ปี 2000 จำได้ว่าปีนั้นมีฟุตบอลซักรายการนึง น่าจะเป็น Euro 2000 พี่ที่ Office บอกว่าเนี่ยหมาที่บ้านคลอดลูก เลยคุยกะแฟน(ในขณะนั้น และกลายมาเป็น ภรรยาในขณะนี้) ว่าอยากได้ลูกหมามาเลี้ยงไหม เลยพากันไปดูตัว ตอนแรกเมื่อได้คุยถึงต้นกำเนิดของ หมาหยอง ก็ขำๆ ว่าเออ มันแปลกดีแฮะ ไปเจอตัวก็เห็นว่าน่ารักเอาการ และเป็นตัวแรกที่เดินเข้ามาหา เราเลย รับมาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นพักอยู่หน้ามหาวิทยาลัยที่โคราช เลี้ยงได้ซักพักพอโตขึ้นหน่อย ก็ส่งไปอยู่ กับ ว่าที่พ่อตาแม่ยาย(ในขณะนั้น) ที่ตราด ก็เป็นหมาที่รักของพ่อตาแม่ยาย เพราะเก่งมาก สู้กับงูเห่า , ตะขาบ หลายต่อหลายตัว เลยทีเดียว 
       หมาหยองก็อยุ่ที่ตราดหลายปีดีดัก จนปีที่แล้ว เราให้พ่อตากับแม่ยายมาอยุ่ด้วยกันที่บ้านในจังหวัดปทุมธานี มันก็ได้กลับมาอยู่กับเราอีกครั้งนึง แต่ก็แก่ไปมาก แต่ยังร่าเริงเหมือนเดิม ชอบเห่าให้เรา เตะลูกบอล ลูกที่เห็นในรูปนี่แหละ แล้ววิ่งไปคาบ จนเหนื่อยไปเอง(คนเตะ) อยู่บ้านปทุมก็ยังสร้างวีรกรรม กัดงูได้อีกตั้ง สองสามตัว เป็นหมาที่ได้อภิสิทธิ์ที่สุดในบ้าน สามารถเข้ามานอนข้างในบ้านได้ เวลาฝนตก ฟ้าร้อง (กลัวเสียงฟ้าร้อง และ ประทัดมาก หากมีฟ้าร้อง , ประทัด หรือ พลุ จะเห่า และเอาเท้าเคาะประตู ขอเข้ามาอยู่ในบ้าน ซึ่งก็ยอมมันทุกที)
       จนกระทั่ง เกิดวิกฤติการณ์ น้ำท่วมใหญ่ของประเทศไทยเมื่อเดือน ตุลาคม 2011 เราต้องอพยพ กลับมาอยู่ลำพูน เมื่อวันที่ 24/10/2011 ต้องหอบหิ้วหมาทั้งหมด(หมาหยอง , นาโอมิ , จินตรา) มาด้วย หมาหยองต้องเดินลุยน้ำพอสมควร ก่อนที่จะมาถึงที่ปลอดภัย แล้วยังต้องเดินทางไกลกว่า 700 กิโลเมตรมาหลังรถกระบะ เพื่อมาบ้านที่จังหวัดลำพูน พอมาถึงบ้าน ก็สังเกตว่า หมาหยองดูอ่อนแรงไปมาก ถึงแม้จะยังชอบเล่นลูกบอลอยู่ แต่มีอาการเหนื่อยหอบ และไม่ค่อยวิ่งเหมือนเคย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เริ่มหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมกินอาหาร และมีอาการท้องมาน เลยพาไปหาหมอ ตรวจดูว่าเป็นอะไร หมอแจ้งอาการว่าเป็นท้องมาน(มีน้ำในร่างกายเยอะ) และเป็น พยาธิหนอนหัวใจ(เอ็กซ์เรย์แล้วพบว่าหัวใจโต) ฉีดยารักษาแล้ว กลับมาบ้าน ก็ร่าเริงได้วันเดียว วันถัดมาอาการก็กลับไปแย่ลงอีก เลยพาไปโรงพยาบาลสัตว์ที่เชียงใหม่ ให้น้ำเกลือ และสวนให้ฉี่ออกมาเพื่อลดอาการบวมน้ำ หมาหยองอยู่โรงพยาบาลก็ดูร่าเริงดี อยู่ได้ห้าวันจึงรับกลับมาบ้าน เมื่อสองวันก่อน อาการก็ยังดูปกติแต่ยังมีอาการหอบเหมือนเคย
      เมื่อคืน ดูหมาหยอง กระวนกระวายไม่อยู่นิ่ง เดินไปมา หาทุกๆคน และไม่ยอมนอน ภรรยาต้องไปปลอบ ถึงจะยอมไปนอนในที่ที่จัดไว้คืนนี้ฝนตกทั้งคืน พอรุ่งสาง พ่อตาก็เดินมาเคาะประตู บอกว่าหยองตายแล้ว ที่หน้าประตูห้อง ดูเหมือนมันจะพยายามไปหาพ่อก่อนตาย พ่ออุ้มหมาหยอง ออกมาข้างนอกบ้าน บอกว่าเจอมันนอนหน้าประตูมีเลือดออกที่ปาก จับดูเลยรุ้ว่ามันตายแล้ว เลยจับหมาหยองใส่เสื้อตัวเก่ง(กันหนาว) แล้วเอามานอนบนเบาะ เอาลูกบอลที่ซื้อมาใหม่ที่ซื้อมาให้เล่นตั้งแต่มาถึงลำพูนวันแรกมาวางเพื่อฝังไปพร้อมกับมัน ลูกพี่ลูกน้องก็มาช่วยขุดหลุมเพื่อจะฝังมันที่สวนหลังบ้าน ซึ่งมีร่างของหมารุ่นพี่ๆมันฝังอยู่ก่อนหน้านี้ หมาบู , หมาบี , หมาบุ๋ม , หมาเบนจี้ (ที่บ้านลำพูนตั้งชื่อหมาเป็นซีรี่ย์ บ. ใบไม้) ประมาณแปดโมงเช้าก็ฝังร่างหมาหยองเสร็จเรียบร้อย แดดก็สว่างฟ้าใส ในที่สุดก็หมดรุ่นของมัน คงหาไม่ได้อีกแล้วหมาพันธ์ผสมแบบนี้
      ไปดีเถอะนะเจ้าหมาหยอง เจ้าหมาทรหด อยู่มา 11 ปี เดินทางไป 4 จังหวัด(4 ภาค) สุ้กับงูเพื่อปกป้องบ้านหลายต่อหลายตัว และ สร้างความสุขให้กับครอบครัวเรามานาน จากไปในวันพระ วันลอยกระทง อย่างสงบ

* ภรรยาเศร้ามากเห็นรูปไม่ได้ ร้องห่มร้องไห้เลย
** ถ้ามันอึดอีกซักวันจะเท่มากมาย 11/11/11
     


28 ตุลาคม 2554

วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย 2554

เอามาจาก Facebook Group เมืองเอกครับ
น้ำท่วมครั้งนี้ 


ถ้าใครถามว่า ปาฏิหารย์มีจริงหรือ ผมจะตอบว่า ไปดูเมืองเอกสิ


ถ้าใครถามว่า ความเสียสละมีจริงหรือ ผมจะตอบว่า ไปดูเมืองเอกสิ

ถ้าใครถามว่า ความสามัคคี มีจริงหรือ ผมจะตอบว่า ไปดูเมืองเอกสิ

ถ้าใครถามว่า สามัคคี ช่วยอะไรได้จริงหรือ ผมจะตอบว่า ไปดูเมืองเอกสิ "



ทุกคนช่วยกัน ไม่มีใครถามใครว่าสีอะไรชอบพรรคไหน

ทุกคนถามแต่ว่า ที่ฟุตซอลมีทรายให้กรอกไหม ที่ไหนต้องไปอุด ที่ไหนต้องเสริมกระสอบทราย 

แม้ตอนนี้ผู้กล้าทั้งหลายจะพ่ายแพ้ เนื่องจากน้ำประชิดเต็มที่ แล้วยังโดนกัดกร่อนจากปัญหา



ชุมชนรอบข้าง แต่เขาเหล่านั้นก็ยังรอที่จะกลับมาฟื้นฟูชุมชนของตนเอง 


เห็นคนโจมตีกันรายวันผ่านตัวหนังสือ ผ่านสื่อ มันหดหู่ครับ วิกฤติขนาดนี้ ถ้าสามัคคีกันไม่ได้


ประเทศนี้คงไม่เหลืออะไร

29 กันยายน 2554

ระดับน้ำหลังหมู่บ้านเมืองเอกรังสิต

น่าเป็นห่วงมาก. อีกฝั่งถนนก็ท่วมไปแล้ว. ลุ้นระทึกทุกวัน

27 กันยายน 2554

เพิ่งจะรู้ว่ามี app blogger ใน iPhone. ด้วยยย

นั่งอ่าน feed เพลินๆก็ไปเจอว่าใน app store
มีapp blogger. แล้วนะ ไม่รอช้าลองทดสอบ
ทันที หน้าตาเป็นอย่างนี้เอง

25 กันยายน 2554

True ครับ ทำกันอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย

     ต้องท้าวความกันก่อนทีเดียว คือ ที่บ้านผมเนี่ยเป็นสมาชิกของ True Vision
TV อยู่นานนมน่าจะตั้งแต่ปี 48 แรกๆ ก็ดูแต่ Silver ธรรมดา แต่หลังมันขยายใหญ่
โตเป็น platinum เลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะหรือครับ

1. ปกติดูแต่ American football ซึ่ง True ก็มีช่อง ASN ที่มีใน package silver
   , platinum   สังเกตนะครับ มันไม่มีใน gold

2. ส่วนพวก HBO หรือช่องที่น่าสนใจอื่นๆ มันไปอยู่ที่ package Gold ครับ
   ซึ่งมีข้อดีคือมี Soccer (Football ธรรมดานั่นแหละครับ) ทั้ง premier
   ของอังกฤษ หรือ league อื่นๆ แต่ผมเองก็ไม่ดู Soccer อยู่แล้ว

3. เอาล่ะสิ ช่องอื่นก็อยากดู american football ก็อยากดู มันเลยต้องกัดฟันกลาย
   เป็น platinum อย่างช่วยไม่ได้ (ไม่เข้าใจ true เหมือนกันนะ ASN ช่องเดียว
   ทำไมเอามาใส่ package gold ไม่ได้รึไงนะ)

  ก็ดูมาหลายปี กะไอ้แบบนี้ แล้วทันใด true ก็มี ช่อง HIDEF ซึ่งต้องใช้กล่อง
  HIDEF ในการดู แถม American Football สุดที่รักได้ออกช่อง HD ด้วยเว้ยเฮ้ย
  เอาล่ะกัดฟันหน่อยแล้วกัน
 
   ปีที่แล้วเลย Happy หน่อยได้ดูคนชนกันตูมๆ แบบ HIDEF ฉ่ำอุรายิ่งนัก
   แต่แล้วเมื่อ ฤดูกาล 2011-2012 เริ่มต้นก็ได้รับข่าวร้าย ลิขสิทธิ์ ASN
   หลุดไปยัง Grammy พระเจ้าช่วย True ทำอะไรลงไป ขนาดมีช่อง ASN
   แล้วดันเจือกปล่อยให้ลิขสิทธ์หลุดมือ ไปเจ้าอื่นหน้าตาเฉย
   (พี่จะเอาแต่บอลอังกฤษ หรือครับ บอลลีกอื่นก็ได้ข่าวว่าหลุดไปเกือบหมด)

   แล้วไอ้ที่ตรูติดไปแล้วมันจะเป็นยังไงฟระ อุตส่าห์ทน ดูมันทั้งๆที่มี โฆษนา
   upgrade กล่อง เพื่อดูกีฬาที่ชอบ แบบชัดๆ แต่แล้ว มันจะไม่มีให้ดูทาง True
   อีกแล้ว true เอ๋ยถ้าดูแล้วไร้ประโยชน์มากไป คงต้องเลิกคบกันที


ปล. คงต้องหา link ดู american football ทาง internet กันไปช่างรันทดจริงๆ


22 เมษายน 2554

วิธีกิน MK ให้อร่อย

ไปเจอในเวบ pantip.com ถูกใจมากมาย
"ผม" ในที่นี้หมายถึงผู้ post ใน pantip นะครับ

เนื่องจากผมเป็นสาวกเอ็มเคมานมนาน (เด็กๆบ้านชอบพาไปกินเอ็มเค*-*)

หมายเหตุ
*อาหารทุกชนิดเมื่อโดนค.ร้อน จะมีจุดพีคแห่งความอร่อยอยู่ เราต้องอย่าปล่อยให้เกินจุดนี้ไป
*ค.อร่อยเป็นเทสต์ส่วนบุคคลแต่ละคนแตกต่างกัน

ขั้นแรกเปิดให้ไฟร้อนสุด จนน้ำเดือดปุดๆๆๆๆๆ จากนั้นปรับเป็นอุ่น

แล้วใส่ผักลงไปให้ได้ซัก75%ของปริมาตรหม้อ +เห็น แครอท ผักต่างๆ

จากนั้นตามด้วยตระกูลทุติยภูมิ  พวกลูกชิ้น ปลาสวรรค์ สาหร่ายพันหมู ฯลฯ
**ห้าม ใส่พวกชิ้นส่วนปฐมภูมิสัตว์ เช่น ตับหมู เนื้อไก่่ เนื้อวัว เนื้อปลาสด หมึก กุ้ง ฯลฯ
**เวลาวางๆให้เป็นระเบียบ ค่อยๆวาง ใจเย็นๆ อย่าโยนตู้มๆ แบ่งสัดส่วนให้สวยงาม

ตอกไข่1ฟองใส่ถ้วยเปล่า ตีๆๆๆๆๆ แล้วราดหน้าลงไป

ปิดฝาครอบ(ไฟอุ่นนะ) แล้วหันมาหม่ำเป็ดกะหมูแดงจานเล็กรอ*-*

-------- กะว่ากินเป็ดไปครึ่งจาน

เปิดฝา ฟว่าาาาาาาาาา!!!(เสียงไอน้ำ)

จะเห็นหม้อสุกี้ที่สวยงาม~

แล้วน้ำจะหวานนมาก

----ถ้ายังไม่ต้มเนื้อสัตว์ อย่าปรับไฟแรงสุด ผักจะยุ่ย ให้ปรับอุ่นพอ
----เวลาต้มศพสัตว์ ให้ใช้น้ำเดือดๆ ให้ศพสัตว์จมน้ำทั่วถึงกัน และทำเท่าที่กำลังจะกิน อย่าเทเผื่อ กะว่าพอสุกก็กินเลยไม่ต้องวางรอ

***สถานการณ์ เวลาไปกินกับเพื่อน แล้วเพื่อนเป็นคนทำ
"น้องเอานี้ๆๆๆๆๆๆ ๆๆๆ ๆๆๆ"
พออาหารมา
"ตู้มๆๆๆ" จับไรได้เทรวมหมด แล้วเอากระชอนคนๆๆๆๆ
ผักก็ยุ่ย
ตับก้อเเข็ง
หมูก็ชืด
ปลาก็หด
กุ้งก็จืด
ฯลฯ




ปล. ชอบมากเพราะเวลากิน MK ก็ทำคล้ายๆกัน บางทีเพื่อนก็ถามว่าเมิงทำไรเนี่ย
ลีลา ก็จะบอกมันว่า นี่แหละ สุนทรียะของการกิน

05 เมษายน 2554

Problem Investigation - บางทีปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้มาจากเราหรอกนะ

วันนี้เข้าไป แก้ปัญหาที่ site ลุกค้าเจ้าหนึ่ง

      ปัญหานี้เดิมที ลูกค้าส่ง log มาให้ดูว่า Program ที่ใช้งานเป็นประจำอยุ่ๆเกิด
มีปัญหา เมื่อทำการเพิ่มข้อมูลของพนักงานคนหนึ่งเข้าไป ซึ่งพอกดปุ่ม submit 
Program ก้เจ๊งในบัดดล ทำให้งานเข้า พวกเราที่รับ บำรุงรักษา Application ตัวนี้อยุ่
 
       ในเบื้องต้นคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ คงเป็นที่ข้อมูลของ พนักงาน คนที่ทีปัญหา
เกิดอะไรแปลกๆขึ้น เลยส่งน้องในทีมไปดุก่อน แต่แล้วเหตการณ์ก็ไม่คลี่ตลาย เมื่อพบว่า
ปัยหานี้เกิดขึ้นแค่ที่เครื่อง Server ของลุกค้าเท่านั้น เครื่องที่ทำการ พัฒนาและดีบักไม่พบปัญหานี้ในรายข้อมูลเดียวกัน ทำให้เราเสียเวลาไปวันหนึ่งโดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าปัญหาเกิดขึ้น ณ.จุดไหน ทราบเพียงแต่ว่า error ที่เกิดขึ้นเป็น error HTTP 406 ซึ่งเมื่อใช้ อากู๋ (google) ค้นหาดูแล้ว พบว่่ามันคือปัญหาเมื่อ Browser ไม่สามารถแปลความหมายที่ส่งมาจาก Server ได้ แต่น้องที่ส่ง ไปแก้ปัญหาก็หมดเวลาเสียแล้ว ต้องไปทำงานอื่นต่อ งานนี้จึงตกมาถึงมือผมซึ่งต้องผลัดไม่เข้าไปในวันถัดมา

       เมื่อผมเข้าไปที่ Site ลูกค้าก็ทำการบทวนปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนว่าลักษณะของการที่ทำให้เกิดปัญหาคืออะไร

ประเด็นแรกที่เริ่มทำคือ เข้าไปดู ข้อมูลของ พนง.เจ้าปัญหาเสียหน่อยว่ามีอะไรผิดปกติกว่า ชาวบ้านเขาหรือไม่

1. ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ พนักงานคนนี้ในฐานข้อมูลเสียก่อน และดูข่้อมูลของคนอื่นๆ ประกอบว่าคนที่อยู่ แผนกเดียวกัน ตำแหน่งงานเดียวกันมีลักษณะข้อมูลเป็นอย่างไร ซึ่งก็พบว่า ข้อมูลของพนักงานที่มีปัญหา น่าจะถูกต้องครบถ้วนแล้ว
2. คราวนี้ก็เจาะดูข้อมูลของพนักงานที่มีปัญหาว่ามีอักระพิเศษ ปนมาด้วยหรือไม่ ซึ่งก็พบว่าเรียบร้อยดี
3. ทดลองเพิ่มข้อมูลของพนักงานคนอื่นที่ใกล้เคียงกันก็พบว่า ไม่มีปัญหาใดๆ
4. สรุปผลเบื้องต้นได้ว่าข้อมูลไม่น่ามีปัญหา คราวนี้ก็ไปสุ่ขั้นตอนถัดไป

เมื่อฐานข้อมูลไม่ใช่ปัญหาคราวนี้เราก็มาดูที่ตัว application กันว่าเมื่อดึงข้อมูลมาใช้แล้วเกิดปัญหาอะไรหรือไม่

1. ทดลองใช้ application สร้างข้อมูลตามขั้นตอนแล้ว ดู source code ที่หน้า page ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ซึ่งก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเลย คราวนี้เริ่มเครียดเล็กน้อย
2. เขียน debug code เพื่อดูว่า Application น่าจะมีปัญหาเมื่อขั้นตอนไหน ก็พบกับปัญหาใหม่คือ application server ไม่แสดง log ออกมาเลยต้องมาวิเคราะห์ใหม่ว่าขั้นตอนไหนที่น่าจะมีปัญหา
3. เมื่อสังเกตแล้วพบว่าน่าจะมีปัญหาขระที่ Browser จะส่งค่าให้ server เพราะหากมีการประมวลผลแล้ว   Error ที่ได้น่าจะเป็น HTTP 500 , 403 , 503 มากกว่า
4. ฝ่าย IT ที่รับผิดชอบเข้ามาบอกว่าเกิดปัญหานี้ที่อีกหน้า Page หนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ ข้อมูลของพนักกงาน ที่ีมีปัญหา ตามที่แจ้งมาครั้งแรก

เมื่อทราบดังนั้น ผมจึงวิเคราะห์ ต่อไปอีกว่าถ้าอย่างนั้นแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาที่ระดับ Application เนื่องจาก Error ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นในลักษณะอื่น ที่ไม่เหมือนกัน เลยถามซักกับ IT ที่รับผิดชอบว่ากอ่นหน้านี้ที่ Server มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งได้คำตอบว่าน่าจะมีเพราะมี audit มาตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยจึงมีการ เปลี่ยนแปลงค่า config บางอย่างของระบบ 

ผมจึงเข้าไปหา IT อีกท่านที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง จึงได้รับคำตอบว่า มีการเพิ่ม config เกี่ยวกับความปลอดภัยดังกล่าวจริง ผมเลยได้ร้องขอให้เปลี่ยน config กลับไป ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหา ทันใดนั้น ปัญหาก็หมดสิ้นไปโดยทันที Program ที่ Error สามารถกลับมาทำงานได้อย่างถูกต่้อง

ผมจึงให้ทาง IT ที่รับผิดชอบส่ง File ที่แก้ไขเพื่อมาเปรียบเทียบกันว่ามีจุดไหนที่เปลี่ยนไปบ้าง พบว่า file ได้ถูกแก้ไข ให้ดักจับ POST request รวมทั้ง Body ทุกตัว หากไม่เป็นมาตรฐานแล้ว จะ reject ออกมาเป็น Error 406 จึงได้ทดลอง เปลี่ยนให้ดักจับเฉพาะตัว Request ส่วน Body ไม่ต้องดัก พบว่า Application สามาถทำงานได้เหมือนเดิม จึงเป็นอันเรียบร้อย ปิด case นี้ได้สำเร็จ


จะเห็นได้ว่าการ investigate นั้นทำจากวงแคบ(ข้อมูล) ไปจนถึงระดับใหญ่สุด(Config)

 Data ==> Program ==> Application ==> Server Configuration

สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาทางด้าน software ที่เกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับประสพการ์ของผู้วิเคราะห์ด้วยว่า พบกับปัญหา ลักษณะเดิมมาบ้างหรือไม่ และเข้าใจการทำงานของ Architecture ระบบเพียงใด